แนวโน้มตลาดสัปดาห์นี้: เหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดค่าเงินและตราสารหนี้

อัปเดตวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2025

โฟกัสตลาด: ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ, การเลือกตั้งเยอรมนี และการตัดสินใจด้านนโยบายทั่วโลก

ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ เหตุการณ์เศรษฐกิจที่สำคัญใน สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดค่าเงินและตราสารหนี้ โดยมีจุดสนใจอยู่ที่ ข้อมูลเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ, การเลือกตั้งเยอรมนี และการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

ด้วยท่าทีระมัดระวังของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อตัดสินแนวทางของนโยบายการเงินทั่วโลกในอนาคต

แนวโน้มสหรัฐฯ: ข้อมูลเงินเฟ้อ PCE เป็นจุดสนใจ

ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ความสำคัญ จะมีการเปิดเผยใน วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ หลังจากที่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า องค์ประกอบที่มีผลต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของ PCE อาจไม่รุนแรงเท่ากับ CPI

สิ่งที่ต้องจับตามอง:

• แนวโน้มเงินเฟ้อพื้นฐานของ PCE – หากข้อมูลออกมาต่ำ อาจสนับสนุนการคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025

• ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Conference Board (วันอังคาร) จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมุมมองของครัวเรือน

• การปรับประมาณการ GDP ไตรมาสที่ 4 – การประมาณการ GDP ครั้งที่สอง (วันพฤหัสบดี) อาจให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ผลกระทบต่อตลาด: หากเงินเฟ้อยังคงชะลอตัว การคาดการณ์เกี่ยวกับ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน 2025อาจแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม หาก PCE ยังคงอยู่ในระดับสูง ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงช่วงปลายปี 2025

ยุโรป: การเลือกตั้งเยอรมนีและแนวโน้มเงินเฟ้อ

ผลการเลือกตั้งเยอรมนีในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาด นักวิเคราะห์เตือนว่าหากพรรคการเมืองหลักไม่สามารถได้รับ เสียงข้างมากสองในสาม อาจเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับ ความสามารถของรัฐบาลใหม่ในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจในยูโรโซน:

• ดัชนีสภาพธุรกิจ Ifo ของเยอรมนี (วันจันทร์) – คาดว่าจะยืนยันแนวโน้มบวกที่สะท้อนในดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ZEW

• ข้อมูลเงินเฟ้อของเยอรมนีและฝรั่งเศส (วันพฤหัสบดีและวันศุกร์) – อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นของเดือนกุมภาพันธ์จะมีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

• การแยกองค์ประกอบ GDP ไตรมาสที่ 4 ของเยอรมนี (วันอังคาร) – ให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับภาคเศรษฐกิจที่ส่งผลบวกและลบต่อการเติบโต

ผลกระทบต่อตลาด: ความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนีและเงินเฟ้อที่ลดลงอาจ กดดันค่าเงินยูโร (EUR/USD) และส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรในภูมิภาค

เอเชีย: การตัดสินใจของธนาคารกลางและแนวโน้มเงินเฟ้อ

ญี่ปุ่น:

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของโตเกียว สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะประกาศ ในวันศุกร์ จะเป็นตัวบ่งชี้ล่วงหน้าเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อในระดับประเทศ ปัจจุบันยังมีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปี 2025แต่ตัวเลขเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทาง

ข้อมูลเพิ่มเติม:

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกของญี่ปุ่น (วันศุกร์) – ใช้เป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจหลังจากการฟื้นตัวของการผลิต

ผลกระทบต่อตลาด: หากอัตราเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าที่คาด อาจเพิ่มความเป็นไปได้ที่ BoJ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปี 2025 ซึ่งจะช่วยสนับสนุน เงินเยน (USD/JPY)

เกาหลีใต้:

การประชุมของธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BoK) ในวันอังคาร คาดว่าจะนำไปสู่ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐาน สู่ระดับ 2.75% เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ผลกระทบต่อตลาด: การลดอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้ เงินวอนเกาหลีใต้ (KRW) อ่อนค่าลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่นโยบายการค้าของสหรัฐฯ ยังไม่แน่นอน

เหตุการณ์เศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม

• แคนาดา: รายงาน GDP ไตรมาสที่ 4 (วันศุกร์) จะเปิดเผยว่าการเพิ่มขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือนธันวาคมมีผลต่อเศรษฐกิจมากเพียงใด

• สหราชอาณาจักร: สัปดาห์ที่มีข้อมูลเศรษฐกิจน้อย โดยมีเพียงดัชนีราคาบ้าน Nationwide (วันศุกร์) ที่ต้องติดตาม

• สวิตเซอร์แลนด์: ข้อมูล GDP ไตรมาสที่ 4 (วันพฤหัสบดี) จะช่วยให้เข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศในปี 2025

• จีน: PMI กุมภาพันธ์ (1 มีนาคม) จะถูกจับตาอย่างใกล้ชิดเพื่อดูสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการผลิตและบริการ

แนวโน้มตลาด: สิ่งที่ต้องจับตามอง

1. เงินเฟ้อสหรัฐฯ และนโยบายของ Fed – หาก PCE ลดลง อาจหนุนความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แต่หากเงินเฟ้อสูงขึ้น อาจทำให้ Fed เลื่อนการลดดอกเบี้ยไปช่วงปลายปี 2025

2. ความเสี่ยงทางการเมืองในยุโรป – การเลือกตั้งเยอรมนีอาจส่งผลกระทบต่อ ค่าเงินยูโร (EUR/USD) หากมีความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มขึ้น

3. นโยบายธนาคารกลางในเอเชีย – BoJ อาจขึ้นดอกเบี้ย และ BoK อาจลดดอกเบี้ย ส่งผลกระทบต่อ เงินเยน (JPY) และเงินวอน (KRW)