พาวเวลพบทรัมป์ท่ามกลางความตึงเครียดเรื่องอัตราดอกเบี้ยและความเป็นอิสระของเฟด

อัปเดตเมื่อ 30 พฤษภาคม 2025

ในเหตุการณ์ที่ทั่วโลกจับตามอง ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เจอโรม พาวเวล ได้เข้าพบ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม — นับเป็นการพบกันแบบตัวต่อตัวครั้งแรก นับตั้งแต่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง การพบกันครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ออกมากดดันพาวเวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ย แม้อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มลดลงแล้วก็ตาม

ไม่มีข้อผูกพันใด ๆ — ยึดนโยบายจากข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก

จากแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของ Fed พาวเวลไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มของนโยบายดอกเบี้ยในการพบกันครั้งนี้ เขาเพียง ย้ำว่าทิศทางของนโยบายจะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับและผลกระทบต่อเงินเฟ้อ การจ้างงาน และการเติบโต เท่านั้น

พาวเวลยังยืนยันว่าเขาและคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) จะดำเนินนโยบายโดยอิงจาก “การวิเคราะห์ที่รอบคอบ เป็นกลาง และปราศจากอิทธิพลทางการเมือง” ตามที่กฎหมายของ Fed กำหนดไว้ พร้อมกันนี้ยังย้ำถึงพันธกิจสองด้านของเฟดคือ การรักษาเสถียรภาพด้านราคาและส่งเสริมการจ้างงานเต็มที่

ทำเนียบขาวยืนยันการพบ พร้อมเสริมแรงกดดัน

โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ ยืนยันข้อความจากแถลงการณ์ของ Fed ว่าแม่นยำ แต่เสริมว่า ทรัมป์ได้แสดงความเห็นว่าเฟดกำลังทำผิดพลาดโดยไม่ลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เสียเปรียบในการแข่งขันกับจีน

ท่าทีของทรัมป์ทวีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาโพสต์ข้อความใน Truth Social ก่อนการประชุมไม่กี่ชั่วโมง โดยอ้างถึงคำเรียกร้องของ บิล พัลต์ ผู้อำนวยการฝ่ายเคหะของรัฐบาลกลางที่ต้องการให้ Fed ลดดอกเบี้ย โดยกล่าวว่า ทรัมป์ได้ "จัดการกับเงินเฟ้อยุคไบเดนได้เรียบร้อยแล้ว" และตลาดอสังหาริมทรัพย์จะได้ประโยชน์หากอัตราดอกเบี้ยลดลง

คำวิจารณ์ในอดีตของทรัมป์กลับมาสร้างความตึงเครียด

การพบกันครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลาง ความตึงเครียดที่กลับมาอีกครั้งระหว่างทำเนียบขาวและเฟด เมื่อต้นเดือน ทรัมป์เรียกพาวเวลว่า “ผู้แพ้รายใหญ่” และโพสต์ว่า “การปลดเขาออกต้องเกิดขึ้นโดยเร็ว” คำพูดเหล่านี้ทำให้ตลาดผันผวน ผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น และค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงชั่วคราว

ต่อมาทรัมป์ได้ออกมาแก้ข่าวว่าเขา “ไม่มีเจตนาที่จะปลดพาวเวลก่อนหมดวาระในเดือนพฤษภาคม 2026” ขณะเดียวกัน ศาลฎีกาของสหรัฐฯ ก็มีคำตัดสินยืนยันว่า ประธานาธิบดีไม่สามารถปลดประธานเฟดได้หากไม่มีเหตุผลอันสมควร ซึ่งช่วยตอกย้ำถึงความเป็นอิสระของธนาคารกลาง

เฟดยังรักษาความเป็นอิสระ — อย่างน้อยในตอนนี้

แม้จะถูกกดดันทางการเมือง แต่พาวเวลยังคงยืนหยัดในจุดยืนว่า นโยบายการเงินจะไม่ถูกชี้นำโดยการเมืองหรือบุคคลใด ๆ ทั้งสิ้น การประชุมเฟดครั้งถัดไปจะมีขึ้นในวันที่ 17–18 มิถุนายน ซึ่งคาดว่าจะมีการอัปเดตแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายอย่างเป็นทางการ

แม้ตลาดจะคาดหวังการลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง แต่พาวเวลย้ำว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จนกว่าจะมีหลักฐานทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนเพียงพอ